ราคาหุ้นของมินิโซ กรุ๊ป โฮลดิ้ง (Miniso Group Holding) ร่วงลงถึง 39.2% เหลือเพียง 20 ดอลลาร์ฮ่องกงในวันนี้ (24 ก.ย.) หลังจากบริษัทประกาศแผนการเข้าซื้อหุ้นในหย่งฮุย ซูเปอร์สโตร์ส (Yonghui Superstores) เชนซูเปอร์มาร์เก็ตจีนที่กำลังประสบปัญหา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาหุ้นมินิโซ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ยอดนิยม ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2565 โดยมีแนวโน้มว่าจะเป็นการลดลงในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นฮ่องกงเมื่อเดือนก.ค. 2565 และเป็นหุ้นที่ร่วงหนักที่สุดในตลาด สวนทางกับดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงที่ปรับตัวขึ้น 3.3%
ส่วนราคาหุ้นมินิโซที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ก็ร่วงลง 16.6% ในวันจันทร์ (23 ก.ย.)
มินิโซประกาศว่าจะเข้าซื้อหุ้น 29.4% ในหย่งฮุยด้วยมูลค่า 6.3 พันล้านหยวน โดยจะซื้อหุ้นต่อจากบริษัทต่าง ๆ ในเครือของดีเอฟไอ รีเทล กรุ๊ป (DFI Retail Group) ที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ และเจดีดอตคอม (JD.com) อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน ในราคา 2.35 หยวนต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาปิดของหย่งฮุยเมื่อวันที่ 20 ก.ย. อยู่ 3.1%
บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ (Nomura) ซึ่งแนะนำให้ "ซื้อ" หุ้นมินิโซนั้นมองว่า การเข้าซื้อกิจการหย่งฮุยอย่างกะทันหันนี้สร้างความไม่แน่นอนหลายอย่าง เพราะทั้งสองบริษัทไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันโดยตรงที่จะช่วยส่งเสริมธุรกิจซึ่งกันและกันได้ทันที และมองว่าการตัดสินใจครั้งนี้อาจมีความเสี่ยงสูงเกินไป
ส่วนราคาหุ้นหย่งฮุยที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ พุ่งขึ้น 10.2% แตะระดับ 2.48 หยวน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค.
ทั้งนี้ หย่งฮุยประสบปัญหาขาดทุนสุทธิมา 3 ปีติดต่อกัน ซึ่งสะท้อนถึงการแบกรับต้นทุนจากการปิดสาขาจำนวนมาก
ซีเอ็มบี อินเตอร์เนชั่นแนล (CMB International) แสดงความเห็นในบทวิเคราะห์ว่า "เราค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับจังหวะเวลาและขนาดของการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ การทุ่มเงินสดกว่า 95% ของบริษัทเพื่อซื้อกิจการที่ขาดทุนมาตลอด 3 ปี ดูไม่น่าสนใจเลยในมุมมองทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังคงมีความไม่แน่นอนสูง"