ราคาหุ้นของสายการบินสปิริตแอร์ไลน์ส (Spirit Airlines) ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำของสหรัฐ ร่วงลงกว่า 30% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการในวันพฤหัสบดี (3 ต.ค.) หลังมีรายงานจากวอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) ว่า สปิริตกำลังเจรจากับผู้ถือหุ้นกู้เกี่ยวกับการยื่นล้มละลาย สืบเนื่องจากความล้มเหลวในการควบรวมกิจการกับสายการบินเจ็ตบลู แอร์เวย์ส (JetBlue Airways) ซึ่งเป็นสายการบินของสหรัฐเช่นกัน
WSJ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า สายการบินสปิริตยังได้พิจารณาปรับโครงสร้างหนี้นอกศาล แต่การเจรจาล่าสุดมุ่งเน้นไปที่การบรรลุข้อตกลงกับผู้ถือหุ้นกู้และเจ้าหนี้รายอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการยื่นล้มละลายตามมาตรา 11 (Chapter 11) อย่างไรก็ตาม หากมีการยื่นล้มละลายจริง ก็คาดว่าจะไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้
ในการตอบสนองต่อรายงานดังกล่าว สปิริตได้ออกมาชี้แจงโดยอ้างถึงการประชุมรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ เท็ด คริสตี ซีอีโอของสปิริตได้กล่าวว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการเจรจากับที่ปรึกษาของผู้ถือหุ้นกู้เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินที่จะครบกำหนดในปี 2568 และ 2569
"เนื่องจากการเจรจากำลังดำเนินอยู่ เราขอไม่ลงรายละเอียดหรือตอบคำถามใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมถึงการคาดเดาผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น" คริสตีกล่าว พร้อมเน้นย้ำว่า นี่คือเรื่องสำคัญและสปิริตมุ่งมั่นที่จะหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับธุรกิจโดยเร็วที่สุด
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ข่าวลือเรื่องการยื่นล้มละลายนี้เกิดขึ้น หลังจากที่คริสตีเคยกล่าวเมื่อหลายเดือนก่อนว่า สปิริตไม่ได้พิจารณาการยื่นล้มละลายตามมาตรา 11 และ "มั่นใจ" ในแผนการดำเนินงานหลังดีลกับเจ็ตบลูล้มเหลว
สปิริตได้เตือนว่าอาจขาดทุนมากขึ้นในไตรมาส 3 เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดผู้โดยสารที่อ่อนไหวต่อราคา และการมีที่นั่งเกินความต้องการในตลาดภายในประเทศ
ทั้งนี้ สปิริตขาดทุนมาแล้ว 5 ใน 6 ไตรมาสล่าสุด ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ โดยในปีงบการเงิน 2566 สปิริตมีหนี้สินระยะยาวและสัญญาเช่าทางการเงินรวมกว่า 3.06 พันล้านดอลลาร์ โดยไม่รวมถึงหนี้ที่มีกำหนดชำระคืนในเร็ว ๆ นี้