แอร์เมส (Hermes) เปิดเผยยอดขายพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 3/2567 เนื่องจากกระเป๋าถือสุดลักชูของบริษัทอย่าง Birkin และ Kelly ยังคงสามารถดึงดูดลูกค้ากระเป๋าหนักได้อย่างต่อเนื่อง สวนทางแบรนด์สินค้าหรูอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในจีน
บริษัทลักซ์ชัวรีสัญชาติฝรั่งเศสรายงานในวันนี้ (24 ต.ค.) ว่า บริษัทมีรายได้ 3.7 พันล้านยูโร (3.99 พันล้านดอลลาร์) ในช่วงไตรมาสที่สิ้นสุดในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 11.3% เมื่อคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยนคงที่
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่ายอดขายของแอร์เมสจะโตขึ้น 11%
แอ็กเซล ดูมาส์ ประธานบริหารของแอร์เมส กล่าวว่า "ในบริบททางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้น ผมขอขอบคุณพนักงานทุกคนสำหรับผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 3 และขอขอบคุณลูกค้าของเราสำหรับความภักดีของพวกเขา" พร้อมเผยด้วยว่า แอร์เมสจะยังคงเดินหน้ารับสมัครพนักงานใหม่และลงทุนระยะยาวต่อไป
การชะลอตัวของภาคธุรกิจเป็นวงกว้างส่งผลกระทบต่อแบรนด์ไฮเอนด์ต่าง ๆ รวมถึง แอลวีเอ็มเอช (LVMH) เจ้าของแบรนด์หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) และดิออร์ (Dior) ที่รายงานยอดขายไตรมาส 3 ไม่เป็นไปตามคาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความต้องการสินค้าแฟชันที่ลดลง โดยเฉพาะในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน
ขณะที่ เคอริง (Kering) บริษัทแม่ของแบรนด์หรูอย่างกุชชี่ (Gucci) แซงต์โลรองต์ (Saint Laurent) บ๊อทเทก้า เวเนต้า (Bottega Veneta) และบาเลนเซียกา (Balenciaga) เตือนนักลงทุนว่า รายได้จากการดำเนินงานในปี 2567 จะลดลงเกือบครึ่งหนึ่งสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี เนื่องจากดีมานด์ที่อ่อนแอในจีน