บริษัทแอลจี เอ็นเนอร์ยี โซลูชั่น (LGES) ผู้ผลิตแบตเตอรี่จากเกาหลีใต้ เผยในวันนี้ (28 ต.ค.) ว่า บริษัทมีมุมมอง "ระมัดระวัง" ต่อการเติบโตปีหน้า พร้อมเตรียมลดงบลงทุน (CapEx) ลงมาก หลังกำไรไตรมาส 3 ทรุดตัว 39% จากยอดขายรถ EV ที่ชะลอตัว
ด้านลี ชางซิล CFO ของ LGES ยังมองว่าผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า จะส่งผลกระทบสำคัญต่อทิศทางตลาดรถ EV ด้วยเช่นกัน
"เมื่อมองไปถึงปี 2568 เราเห็นความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาคและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่ การส่งออก (แบตเตอรี่) ที่เพิ่มขึ้นของคู่แข่งจีน และแผนของลูกค้า (ผู้ผลิตรถยนต์) ที่จะหันมาผลิตแบตเตอรี่เอง ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้การแข่งขันรุนแรงขึ้น" ลีกล่าวในการประชุมรายงานผลประกอบการ
ลีเสริมว่า "เมื่อพูดถึงการเติบโตของรายได้ในปีหน้า เรามีมุมมองที่ค่อนข้างระมัดระวัง ... เราคาดว่างบลงทุนจะลดลงอย่างมากในปีหน้าเมื่อเทียบกับปีนี้ ยกเว้นเฉพาะการลงทุนบางรายการที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น"
LGES ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ให้กับเทสลา (Tesla), จีเอ็ม (GM) และฮุนได (Hyundai) ได้ประกาศเมื่อเดือนเม.ย.ว่าจะลดงบลงทุนในปีนี้เนื่องจากตลาด EV ชะลอตัว โดยก่อนหน้านี้ บริษัทคาดว่างบลงทุนปี 2567 จะใกล้เคียงกับปี 2566 ที่ 10.9 ล้านล้านวอน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายเริ่มลดเป้าหมายการผลิตรถ EV ลง เนื่องจากความต้องการในตลาดที่ชะลอตัว สาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ขาดรุ่นราคาประหยัด สถานีชาร์จยังมีน้อย ความตึงเครียดทางการค้า และการแข่งขันจากรถจีนราคาถูก
ผู้บริหารระดับสูงของ LGES เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อเดือนก.ค.ว่า ตลาด EV น่าจะฟื้นตัวในยุโรปในอีก 18 เดือน ส่วนในสหรัฐฯ อาจใช้เวลา 2-3 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและกฎระเบียบต่าง ๆ
"มุมมองโดยทั่วไปคือ หากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งและได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง การเติบโตของตลาดรถ EV อาจชะลอตัวลง (เมื่อเทียบกับกรณีที่คามาลา แฮร์ริส ชนะ) เนื่องจากทรัมป์เคยเสนอนโยบายที่จะตัดเครดิตภาษีสำหรับรถ EV" คัง ดงจิน นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ ฮุนได มอเตอร์ (Hyundai Motor Securities) กล่าว
LGES รายงานกำไรจากการดำเนินงานไตรมาสก.ค.-ก.ย. อยู่ที่ 4.48 แสนล้านวอน (322.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นไปตามที่บริษัทคาดการณ์ไว้ แต่ลดลง 39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 7.31 แสนล้านวอน
อย่างไรก็ตาม ด้วยดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปและอเมริกาเหนือ ทำให้ LGES ทำผลงานได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.74 แสนล้านวอน
LGES เปิดเผยว่า หากไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากกฎหมายว่าด้วยการปรับลดเงินเฟ้อของสหรัฐฯ (Inflation Reduction Act) บริษัทจะขาดทุนจากการดำเนินงาน 1.8 หมื่นล้านวอน
ทั้งนี้ รายได้ของ LGES ลดลง 16% เหลือ 6.9 ล้านล้านวอน ขณะที่ราคาหุ้นปรับขึ้น 2.33% ซึ่งดีกว่าดัชนี KOSPI ที่ขึ้นแค่ 1.13%