ตลาดหุ้นเวียดนามจ่อขยับสถานะขึ้นเป็นตลาดหุ้นเกิดใหม่ (emerging market) โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ย. 2568 หากสำเร็จ มีลุ้นได้เม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากทั่วโลกหลั่งไหลเข้าประเทศ
ปัจจุบันตลาดหุ้นเวียดนามยังถูกจัดให้เป็นตลาดหุ้นชายขอบ (frontier market) และอยู่ในรายชื่อการพิจารณาของ FTSE เพื่ออัปเกรดเป็นตลาดเกิดใหม่ตั้งแต่ปี 2561 โดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ฟุตซี่ รัสเซล (FTSE Russell) ผู้จัดทำดัชนีระดับโลก ได้ยืนยันคงสถานะนี้ไว้
FTSE Russell กล่าวย้ำถึงการสนับสนุนของรัฐบาลเวียดนามในการปฏิรูปตลาด และแนะนำให้มีการประชุมหารือมากขึ้นระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นและนักลงทุนต่างชาติ หากเวียดนามได้อัปเกรดสถานะเป็นตลาดเกิดใหม่ จะมีโอกาสที่เงินลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์จากทั่วโลกไหลเข้าสู่ตลาดการเงินของประเทศ ซึ่งในปัจจุบันมีมูลค่าตลาดสูงกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์
ถั่ญ กวาน จ่อง หัวหน้าฝ่ายวิจัยหุ้นจากธนาคารเพื่อการลงทุน เมย์แบงก์ เวียดนาม (Maybank Investment Bank Vietnam) ให้สัมภาษณ์ในรายการ Street Signs Asia ของสำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) ว่า การอัปเกรดสถานะตลาดหุ้นเวียดนามโดย FTSE ไปสู่สถานะตลาดเกิดใหม่อาจเกิดขึ้นเร็วที่สุดในเดือนก.ย. 2568
เป้าหมายดังกล่าวตรงกับที่นายกรัฐมนตรีฝั่ม มิญ จิ๊ญ แห่งเวียดนาม ได้ตั้งไว้เมื่อต้นปี โดย FTSE Russell แนะนำให้เวียดนามรักษาความเร็วในการปฏิรูปแบบนี้ต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทันกำหนดเวลา
"เรากำลังเห็นความก้าวหน้าที่ดีในเวียดนามในการแก้ไขปัญหาข้อบังคับที่เป็นอุปสรรค เพื่อให้ตลาดสามารถอัปเกรดสถานะเป็นตลาดเกิดใหม่ได้" จ่องระบุ
ทั้งนี้ รัฐบาลเวียดนามหันมาให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจอีกครั้ง ซึ่งจ่องคาดว่าจะทำให้ GDP ปีหน้าเติบโตอย่างน้อย 6.2% ด้านธนาคารโลกก็คาดการณ์ว่า GDP จะเติบโต 6.5% ในปี 2568 โดยได้รับแรงหนุนมาจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในประเทศที่ฟื้นตัว
ข้อมูลจากสถาบันนโยบายเศรษฐกิจและการวิจัยของเวียดนามระบุว่า การขยายตัวของ GDP ในไตรมาสที่ 4/2567 คาดว่าจะแตะ 7.4% ซึ่งจะเป็นไปตามเป้าหมาย 7% ที่รัฐบาลตั้งไว้