ราคาหุ้นซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปคอมพิวเตอร์รายใหญ่ที่สุดในโลก ร่วงลงมากที่สุดในรอบกว่า 4 ปีในวันนี้ (13 พ.ย.) เนื่องจากตลาดกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้โดนัลด์ ทรัมป์ จะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้า
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า หุ้นซัมซุงซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้นั้น ทำผลงานได้แย่ที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นของบริษัทผลิตชิปชั้นนำของโลกอย่าง ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง คอมพานี (TSMC) และอินวิเดีย (Nvidia) ในปีนี้ เนื่องจากซัมซุงตามหลังคู่แข่งในเรื่องการผลิตชิปสำหรับ AI ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก
อี มินฮี นักวิเคราะห์จากบีเอ็นเค อินเวสเมนท์ แอนด์ ซีเคียวริตี้ส์ (BNK Investment & Securities) กล่าวว่า หากทรัมป์เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้น ก็จะกระทบซัมซุงหนักกว่าเอสเค ไฮนิกซ์ (SK Hynix) ที่เป็นบริษัทคู่แข่งในเกาหลีใต้ เนื่องจากซัมซุงพึ่งพาลูกค้าชาวจีนมากกว่า
เกร็ก โนห์ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ฮุนได มอเตอร์ (Hyundai Motor Securities) กล่าวว่า ทรัมป์ขู่ว่าจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าทั่วไป 10% และสินค้าจากจีน 60% ซึ่งจะทำให้คนซื้อผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ชิปน้อยลง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดียุน ซอกยอล ของเกาหลีใต้ได้แสดงความกังวลว่า ถ้าทรัมป์เก็บภาษีสินค้าจีนในอัตราสูง อาจกระตุ้นให้บริษัทจีนขายสินค้าส่งออกตัดราคาบริษัทชิปของเกาหลีในต่างประเทศ
นับตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นซัมซุงร่วงลงแล้ว 34% และกำลังจะทำผลงานประจำปีที่แย่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี ขณะที่หุ้นเอสเค ไฮนิกซ์ เพิ่มขึ้น 32% ในปีนี้ และหุ้นอินวิเดีย ผู้ผลิตชิปของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 199%
หุ้นซัมซุงซึ่งเป็นหุ้นที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดของเกาหลีใต้ได้ร่วงลงติดต่อกัน 4 วันทำการแล้ว โดยในวันนี้ ณ เวลา 09.34 น. ตามเวลาไทย หุ้นซัมซุงร่วงลง 2.83% สู่ระดับ 51,500 วอน ขณะที่ดัชนี KOSPI ของตลาดหุ้นเกาหลีใต้โดยรวมลดลง 1.5%