ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า ไทยและเวียดนามเป็นสองประเทศที่จะได้ประโยชน์สูงสุดจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง
นายวิน พรหมแพทย์ ประธานกรรมการบริหารบลจ.กสิกรไทย แสดงความเห็นว่า ตลาดหุ้นไทยและเวียดนามจะดีดตัวขึ้นเมื่อทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาว โดยพิจารณาจากปัจจัยที่ว่า สหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน โดยเขากล่าวว่า มาตรการภาษีการค้าของทรัมป์จะทำให้เกิดการโยกย้ายการลงทุนจากจีนมายังประเทศไทยและเวียดนาม
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า มุมมองเชิงบวกดังกล่าวถือเป็นตัวอย่างล่าสุดที่นักลงทุนในเอเชียเล็งเห็นจากชัยชนะของทรัมป์ แม้ว่าการที่ทรัมป์มีจุดยืนแข็งกร้าวต่อจีนจะสร้างความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าโลก แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าประเทศใดจะได้ประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ นายวินคาดการณ์ว่า ดัชนี SET ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มพุ่งขึ้น 10% จากระดับปัจจุบัน ขึ้นไปแตะที่ราว 1,600 จุดในปีหน้า ขณะเดียวกัน แม้เขาไม่ได้ให้เป้าหมายดัชนีหุ้นเวียดนาม แต่ก็กล่าวว่าตลาดหุ้นเวียดนามเป็นหนึ่งในตัวเลือกการลงทุนอันดับต้น ๆ
สำหรับการแสดงมุมมองบวกของนายวินนั้น อ้างอิงจากสถิติที่เคยเกิดขึ้นในอดีต โดยในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก ตลาดหุ้นไทยและเวียดนามทำผลงานดีกว่าประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากทั้งสองประเทศดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ และเติบโตจนกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น รถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์
ทรัมป์ขู่ว่าจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงถึง 60% เมื่อเขากลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง และจะเก็บภาษีสูงถึง 20% สำหรับสินค้านำเข้าจากประเทศอื่น ๆ ซึ่งแม้ว่าภาษีการค้าที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบต่อไทยและเวียดนาม แต่นายวินยังคงเชื่อมั่นว่าข้อดีจะมีมากกว่าข้อเสีย
"ไทยและเวียดนามจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดในภูมิภาค อันเนื่องมาจากการย้ายฐานการผลิต" เขากล่าว