โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ดัชนี S&P500 ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะแตะระดับ 6,500 จุดได้ภายในสิ้นปี 2568 โดยได้ปัจจัยหนุนจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ที่สอดคล้องกับมอร์แกน สแตนลีย์
ทั้งนี้ โกลด์แมนคาดว่า ดัชนี S&P500 จะปรับตัวขึ้นอีก 10.3% จากระดับปิดล่าสุดเมื่อวันจันทร์ (18 พ.ย.) ที่ 5,893.62 จุด สู่ระดับ 6,500 จุดภายในสิ้นปีหน้า
เมื่อวันจันทร์ (18 พ.ย.) มอร์แกน สแตนลีย์ก็ได้คาดการณ์ว่า ดัชนี S&P500 จะปรับตัวขึ้นถึง 6,500 จุดภายในสิ้นปีหน้า โดยประมาณการว่า การขยายตัวของผลประกอบการในสหรัฐฯ จะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2568 เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีหน้า และดัชนีชี้วัดวัฏจักรเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น
โกลด์แมนระบุว่า หุ้นในกลุ่มที่เรียกว่า "Magnificent 7" ซึ่งได้แก่ อะเมซอน (Amazon), แอปเปิ้ล (Apple), อัลฟาเบท (Alphabet), เมตา แพลตฟอร์มส (Meta Platforms), ไมโครซอฟท์ (Microsoft), อินวิเดีย (Nvidia) และเทสลา (Tesla) จะทำผลงานได้โดดเด่นกว่าบริษัทที่เหลืออีก 493 แห่งในดัชนี S&P500 ในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม โกลด์แมนระบุว่า หุ้นกลุ่ม "Magnificent 7" จะทำผลงานได้ดีกว่าบริษัทอื่น ๆ ในดัชนี S&P500 อยู่ประมาณ 7 จุดเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 7 ปี
"แม้ผลประกอบการช่วยสนับสนุนความโดดเด่นของหุ้นในกลุ่ม Magnificent 7 แต่ความเสี่ยงจากปัจจัยมหภาค เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจและนโยบายการค้ากลับเอื้อประโยชน์ให้กับหุ้น 493 ตัวในดัชนี S&P500 มากกว่า" โกลด์แมนระบุ
โกลด์แมนคาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 11% และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ จะขยายตัว 2.5% ในปี 2568
อย่างไรก็ตาม โกลด์แมนเตือนว่าความเสี่ยงต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในภาพรวมยังคงอยู่ในระดับสูงในปี 2568 เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับขึ้นภาษีศุลกากร และการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร
"ในทางกลับกัน นโยบายการคลังที่เอื้ออำนวยมากขึ้น หรือธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีท่าทีผ่อนปรนมากขึ้นนั้น จะช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐ" โกลด์แมนระบุเสริม
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ชัยชนะของทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อต้นเดือนนี้ ทำให้คำมั่นสัญญาในการหาเสียงของเขา เช่น การลดภาษีเงินได้ และการเพิ่มภาษีศุลกากร เป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นเงินเฟ้อและลดความสามารถของเฟดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ โกลด์แมนยังคาดการณ์ด้วยว่า กำไรต่อหุ้น (Earnings per Share) ของบริษัทในดัชนี S&P500 จะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 268 ดอลลาร์ในปี 2568