คาร์ลอส ทาวาเรส ซีอีโอบริษัทสเตลแลนทิส (Stellantis) ประกาศลาออกกะทันหันเมื่อวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) เพียงสองเดือนหลังจากที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จี๊ป เฟียต และเปอโยต์รายนี้ ออกประกาศเตือนเรื่องผลกำไร
บริษัทเผยว่าจะเร่งสรรหาซีอีโอคนใหม่ให้ทันครึ่งปีแรกของปี 2568 ด้านอองรี เดอ คาสตรีส์ กรรมการอิสระอาวุโส ระบุในแถลงการณ์ว่า ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ บอร์ดบริหาร และทาวาเรส จนนำไปสู่การลาออกในที่สุด
สเตลแลนทิสแถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่า ทางบอร์ดบริหารซึ่งรวมถึงจอห์น เอลคานน์ ประธานบริษัท รับทราบการลาออกและให้มีผลทันที พร้อมจัดตั้งคณะผู้บริหารชั่วคราวชุดใหม่ โดยมีเอลคานน์เป็นประธาน
ทั้งนี้ ทาวาเรสเคยเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่ได้รับความนับถือสูงสุดในวงการยานยนต์ แต่แนวทางบริหารของเขากลับถูกเพ่งเล็งอย่างหนัก หลังยอดขายในอเมริกาเหนือดิ่งลง จนบริษัทต้องออกประกาศเตือนเรื่องผลกำไรปี 2567 เมื่อเดือนก.ย. ซึ่งรวมถึงการคาดการณ์ว่าจะมีเงินสดไหลออกสูงถึง 1 หมื่นล้านยูโร (1.06 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากยอดขายที่ชะลอตัวและสต็อกสินค้าที่พอกพูนในตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นตลาดที่สร้างกำไรหลักให้กับเครือบริษัท
คำเตือนดังกล่าวนำไปสู่การปรับโครงสร้างผู้บริหารระดับสูงครั้งใหญ่ของบริษัท ทั้งการเปลี่ยนตัวประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการประจำอเมริกาเหนือ แต่ในตอนแรกยังไม่กระทบถึงตำแหน่งซีอีโอของทาวาเรส
ทว่าต่อมาสเตลแลนทิสได้แถลงว่า ทาวาเรสไม่ประสงค์จะรับตำแหน่งซีอีโออีกสมัย และจะขอเกษียณเมื่อครบวาระปัจจุบันในต้นปี 2569 โดยเบื้องต้นมีกำหนดการว่าจะสรรหาซีอีโอคนใหม่ให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2568
อนึ่ง ราคาหุ้นสเตลแลนทิสร่วงลงถึง 40% ในปีนี้ ขณะที่หุ้นของบริษัทคู่แข่งในสหรัฐฯ อย่างฟอร์ด มอเตอร์ (Ford Motor) ลดลงเพียง 7% ส่วนหุ้นของเจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM) พุ่งขึ้นถึง 55%
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้นหลังบอร์ดมองว่าทาวาเรสทำอะไรเร่งรีบเกินไป และมุ่งแต่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อรักษาชื่อเสียงตัวเอง มากกว่าจะคำนึงถึงผลประโยชน์ระยะยาวของบริษัท
ด้านนักวิเคราะห์จากเบิร์นสไตน์ (Bernstein) ระบุว่า การประกาศลาออกกะทันหันในวันอาทิตย์สะท้อนให้เห็นว่า ความขัดแย้งระหว่างบอร์ดกับทาวาเรสต้องรุนแรงมาก ถึงขนาดที่ทั้งสองฝ่ายยอมให้บริษัทดำเนินไปโดยไม่มีซีอีโอในระยะสั้น