ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแทบไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวในช่วงส่งท้ายปี แม้ว่ามูลค่าหุ้นที่พุ่งสูงขึ้นและสัญญาณการเก็งกำไรที่มากเกินพอดีจะสร้างความกังวลว่าถึงเวลาที่ตลาดควรพักฐานแล้วก็ตาม
ดัชนี S&P 500 ทำสถิติปิดทะยานสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งที่ 57 ของปีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 ธ.ค.) และพุ่งขึ้นเกือบ 28% ในปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง พร้อมกระแสคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยจะปรับลง ตลอดจนความตื่นเต้นต่อนโยบายลดภาษีและผ่อนคลายกฎระเบียบที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ได้ให้คำมั่นไว้
โมเมนตัมอันทรงพลังคือจุดเด่นของการพุ่งทะยานครั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ผ่านมากว่า 13 เดือนโดยไม่เคยร่วงลงเกิน 10% จากจุดสูงสุด นับเป็นช่วงยาวนานที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี ทั้งนี้ ข้อมูลจาก BofA Global Research ชี้ว่าโดยปกติแล้ว ตลาดมักจะปรับฐานลงเกิน 10% ราวปีละครั้ง
"โมเมนตัมคือปัจจัยขับเคลื่อนตลาดในตอนนี้ ตลาดขณะนี้เปรียบเสมือนขบวนรถไฟที่แล่นฉิว และไม่มีใครกล้าเข้าไปขวาง" สตีฟ ซอสนิค หัวหน้านักกลยุทธ์ของ Interactive Brokers กล่าว
จากแนวโน้มในอดีต การเดิมพันสวนกระแสตลาดที่กำลังพุ่งทะยานนั้นถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะขาดทุน โดยดัชนี S&P 500 เคยทำผลตอบแทนรายปีเกิน 20% ติดต่อกันมาแล้ว 5 ครั้งนับตั้งแต่ปี 2471 และในทุกครั้งดัชนียังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในอีก 3 เดือนถัดมา โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6.3% ตามการวิเคราะห์ข้อมูลของ LSEG โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ ทั้งนี้ ดัชนีปรับตัวขึ้น 24.2% ในปีที่แล้ว
"โมเมนตัมย่อมเป็นแรงส่งให้เกิดโมเมนตัม อย่าไปฝืนกระแสตลาด" โซนู วาร์เกซ หัวหน้านักกลยุทธ์เศรษฐกิจมหภาคระดับโลกของ Carson Group กล่าว
ไมเคิล ฮาร์ตเน็ตต์ จากแบงก์ ออฟ อเมริกา (BofA) ชี้ให้เห็นเมื่อวันศุกร์ว่า ดัชนี S&P 500 ซื้อขายที่ระดับ 5.3 เท่าของมูลค่าทางบัญชี (P/B ratio) ซึ่งสูงกว่าจุดสูงสุดในเดือนมี.ค. 2543 และเตือนว่าอาจมีความเสี่ยงที่ตลาดพุ่งเกินระดับที่ควรจะเป็น ในไตรมาสแรกของปี 2568 เขายังสังเกตเห็นสัญญาณ "ฟองสบู่เล็ก ๆ" ในตลาดโดยรวม รวมถึงการพุ่งทะยานหลังการเลือกตั้งที่ทำให้บิตคอยน์ทะลุ 100,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ ทาง BofA ตั้งเป้าดัชนี S&P 500 ไว้ที่ 6,666 จุดสำหรับปีหน้า สูงกว่าระดับการซื้อขายปัจจุบันถึง 9%
ปัจจุบันดัชนีมีการซื้อขายที่ 22.6 เท่าของกำไรคาดการณ์ (Forward PE ratio) เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 15.77
หากพิจารณาดัชนี Cboe Volatility (VIX) ที่ใช้วัดความต้องการของนักลงทุนในการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด ดัชนีนี้เคยพุ่งสูงสุดในรอบ 4 ปีระหว่างที่ตลาดปั่นป่วนช่วงสั้น ๆ เมื่อเดือนส.ค. แต่ในวันศุกร์กลับร่วงต่ำสุดในรอบเกือบ 5 เดือนที่ 12.75
ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าตลาดอาจยังคงสงบต่อไปอีกสักระยะ โดยหลังจากดัชนี VIX ปิดต่ำกว่าระดับ 14 เช่นในปลายเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยจะใช้เวลาซื้อขาย 136 วันทำการก่อนที่ VIX จะไต่ขึ้นเหนือระดับ 20 ซึ่งเป็นระดับที่บ่งบอกถึงความผันผวนปานกลางของตลาด
นอกจากนี้ ผลงานอันโดดเด่นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงเดือนธ.ค.ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยเสริมความมั่นใจให้นักลงทุนด้วย จากการวิเคราะห์ของ LPL Financial พบว่า ดัชนี S&P 500 สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยราว 1.6% ในเดือนธ.ค. และปิดบวกได้ถึง 74% ของจำนวนครั้งทั้งหมด นับเป็นเดือนที่มีอัตราการทำกำไรสูงที่สุดในรอบปี