ฮอนด้า (Honda) และนิสสัน (Nissan) จัดแถลงข่าวถึงการเริ่มต้นการเจรจาควบรวมกิจการในวันนี้ (23 ธ.ค.) ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของวงการยานยนต์ญี่ปุ่น สะท้อนให้เห็นถึงภัยคุกคามที่ผู้ผลิตรถ EV จีนกำลังท้าทายบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำระดับโลก
การควบรวมครั้งนี้จะผลักดันให้เกิดกลุ่มยานยนต์ใหญ่อันดับ 3 ของโลกในด้านยอดขาย รองจากโตโยต้า (Toyota) และโฟล์คสวาเกน (Volkswagen) พร้อมเสริมความแข็งแกร่งและเปิดโอกาสให้ทั้ง 2 ค่ายสามารถใช้ทรัพยากรร่วมกัน เพื่อรับมือการแข่งขันอันดุเดือดจากเทสลา (Tesla) และคู่แข่งจากจีนอย่างบีวายดี (BYD)
"การก้าวขึ้นมาของผู้ผลิตรถยนต์จีนและผู้เล่นรายใหม่ ๆ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ค่อนข้างมาก" โทชิฮิโระ มิเบะ ซีอีโอฮอนด้ากล่าวในงานแถลงข่าว
"เราต้องเร่งเสริมสร้างศักยภาพเพื่อต่อสู้กับผู้เล่นเหล่านี้ให้ได้ภายในปี 2573 ไม่เช่นนั้นเราจะพ่ายแพ้" มิเบะกล่าว
ผู้บริหารของฮอนด้าและนิสสันเปิดเผยในการแถลงข่าวว่า คาดว่าจะสรุปการเจรจาดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิ.ย. 2568 ตามด้วยการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งภายในเดือนส.ค. 2569 ซึ่งในช่วงเวลานั้น หุ้นของทั้งสองบริษัทจะถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์
ปัจจุบันฮอนด้ามีมูลค่าตลาดกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่นิสสันอยู่ที่ราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์
การผนึกกำลังของสองแบรนด์ญี่ปุ่นชั้นนำ ได้แก่ ฮอนด้า ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 และนิสสันอันดับ 3 ของญี่ปุ่นนั้น จะเป็นการปฏิรูปครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก นับตั้งแต่เฟียต ไครสเลอร์ ออโตโมบิลส์ (Fiat Chrysler Automobiles) และพีเอสเอ (PSA) ควบรวมกิจการเป็นสเตลแลนทิส (Stellantis) ในปี 2564 ด้วยมูลค่าดีล 5.2 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะที่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors) ซึ่งนิสสันเป็นถือหุ้นใหญ่ กำลังพิจารณาเข้าร่วมการควบรวมครั้งนี้ด้วยเช่นกัน โดยผู้บริหารสูงสุดของทั้ง 3 บริษัทได้แถลงข่าวร่วมกันในวันนี้ที่กรุงโตเกียว
ทั้งสองบริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมผ่านการควบรวมครั้งนี้ที่ 30 ล้านล้านเยน (1.91 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) และกำไรจากการดำเนินงานมากกว่า 3 ล้านล้านเยน และหากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เข้าร่วมด้วย จะส่งผลให้ยอดขายทั่วโลกของกลุ่มบริษัทที่ควบรวมกันพุ่งทะลุ 8 ล้านคัน โดยปัจจุบันกลุ่มยานยนต์รายใหญ่อันดับ 3 คือฮุนได (Hyundai) และเกีย (Kia) จากเกาหลีใต้
ทั้งนี้ หุ้นฮอนด้าปิดตลาดเพิ่ม 3.8% นิสสันขยับขึ้น 1.6% และมิตซูบิชิ มอเตอร์สพุ่ง 5.3% หลังมีข่าวเผยรายละเอียดแผนควบรวมกิจการ ด้านดัชนีนิกเกอิปิดบวก 1.19%