หุ้นนิปปอน สตีล (Nippon Steel) ดิ่งลง 1% ในวันจันทร์ (6 ม.ค.) หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ระงับการเข้าซื้อกิจการยูเอส สตีล (United States Steel Corp) มูลค่า 1.49 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยให้เหตุผลว่า มีข้อกังวลด้านความมั่นคงของชาติ
หุ้นนิปปอน สตีล ปรับตัวลง 1% แตะระดับ 3,151 เยนในช่วงเช้าวันจันทร์ ขณะที่ดัชนี Topix ของญี่ปุ่นโดยรวมอ่อนตัวลง 0.3% โดยก่อนหน้านี้หุ้นปิดที่ 3,182 เยน เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันทำการสุดท้ายของปี 2567 ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ก่อนที่จะปิดทำการยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่
แม้ปธน.ไบเดนจะสั่งระงับการซื้อกิจการแล้ว แต่ทั้งสองบริษัทยังไม่ได้ยกเลิกข้อตกลงอย่างเป็นทางการ
ในแถลงการณ์ร่วม นิปปอน สตีล และยูเอส สตีล ระบุว่า การตัดสินใจของปธน.ไบเดน "ขัดต่อกฎหมาย" พร้อมย้ำว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดำเนินการทุกวิถีทางตามกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิของตน
หากดีลล่ม นิปปอน สตีล จะต้องจ่ายค่าปรับการยกเลิกสัญญาให้ยูเอส สตีล 565 ล้านดอลลาร์ และบริษัทผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นรายนี้คงต้องทบทวนกลยุทธ์การขยายธุรกิจในต่างประเทศครั้งใหญ่
หากการควบรวมกิจการครั้งนี้เกิดขึ้น จะทำให้นิปปอน สตีล เพิ่มกำลังการผลิตเหล็กกล้าทั่วโลกจาก 65 ล้านเมตริกตันต่อปีเป็น 85 ล้านเมตริกตัน ใกล้เคียงเป้าหมายระยะยาวที่ 100 ล้านตัน
หนังสือพิมพ์นิกเกอิรายงานเมื่อวันเสาร์ (4 ม.ค.) ว่า นิปปอน สตีล อาจฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อคัดค้านกระบวนการตัดสินใจดังกล่าว
ทาดาชิ อิมาอิ ประธานนิปปอน สตีล ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์นิปปอนเมื่อวันจันทร์ว่า การฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นหนึ่งใน "ตัวเลือกสำคัญ" ที่บริษัทกำลังพิจารณา
อิมาอิชี้แจงต่อสื่อว่า กระบวนการทบทวนและตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับข้อเสนอซื้อกิจการดูเหมือนไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม พร้อมย้ำว่านิปปอน สตีล "มีสิทธิได้รับการพิจารณาอย่างเป็นธรรม"
อิมาอิระบุว่า บริษัทจะประกาศมาตรการตอบโต้การตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐฯ ในเร็ว ๆ นี้
โฆษกนิปปอน สตีล ยืนยันว่า บริษัทเตรียมจัดแถลงข่าวเกี่ยวกับการตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐฯ แม้ยังไม่ได้กำหนดวันที่แน่ชัด ด้านสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การแถลงข่าวจะมีขึ้นในวันอังคาร (7 ม.ค.)