เมอส์ก (Maersk) เปิดเผยผลกำไรไตรมาส 4/2567 วันนี้ (6 ก.พ.) ว่าทำได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่คาดว่ากำไรปีนี้จะลดลงจากปีที่แล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจมหภาคมีความไม่แน่นอนหลายปัจจัย ซึ่งอาจกระทบต่อการค้าโลก
เมอส์ก ซึ่งเป็นเสมือนดัชนีชี้วัดการค้าโลก คาดการณ์ว่า EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) ปีนี้จะอยู่ที่ 6-9 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับ 1.21 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว และ 7.4 พันล้านดอลลาร์ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
"ปัจจัยความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กระทบห่วงโซ่อุปทานยังมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งความไม่แน่นอนเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่อาจปรับขึ้น การคุมเข้มการส่งออกสินค้าสำคัญ มาตรการคว่ำบาตร และกระแสการกลับมาให้ความสนใจนโยบายอุตสาหกรรม" เมอส์กระบุในรายงานผลประกอบการ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้า ได้สร้างความกังวลให้กับบริษัททั่วโลก เพราะยังไม่ชัดเจนว่าจะส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศมากน้อยแค่ไหน
"ผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะรุนแรงแค่ไหน ขึ้นอยู่กับอัตราภาษี จำนวนประเทศและสินค้าที่โดนผลกระทบ การตอบโต้จากประเทศคู่ค้า รวมถึงความเสี่ยงที่ประเทศที่สามจะขึ้นภาษีสินค้าจีน เมื่อจีนพยายามหาตลาดใหม่" เมอส์กกล่าว
บริษัทสัญชาติเดนมาร์กรายนี้ทำ EBITDA ได้ 3.6 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4/67 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 3.0 พันล้านดอลลาร์ ตามผลสำรวจของ LSEG