จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการดูแลสุขภาพ เผยผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ในวันนี้ (15 เม.ย.) โดยทั้งรายได้และกำไรต่างสูงกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจากยอดขายยาในกลุ่มรักษาโรคมะเร็งที่เติบโตอย่างน่าพอใจ นอกจากนี้ บริษัทยังได้นำเสนอประมาณการครั้งแรกที่คำนึงถึงผลกระทบจากกำแพงภาษีการค้าที่รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ บังคับใช้
J&J รายงานยอดขายประจำไตรมาสที่ 2.189 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2.4% จากปีก่อนหน้า และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.156 หมื่นล้านดอลลาร์
เมื่อพิจารณาแบบปรับค่าแล้ว บริษัทมีกำไร 2.77 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาสนี้ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ 18 เซนต์
สำหรับยอดขายรายไตรมาส ธุรกิจยาของบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น 2.3% เป็น 1.387 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.343 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้จากธุรกิจเครื่องมือแพทย์อยู่ที่ 8.02 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2.5% จากปีก่อน แต่ยังต่ำกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ที่ 8.17 พันล้านดอลลาร์
รายได้จากกลุ่มเภสัชภัณฑ์ได้รับแรงหนุนสำคัญจากยอดขายยา Darzalex ที่เพิ่มขึ้นถึง 20% โดยยารักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2558 นี้ ทำยอดขายในไตรมาสแรกได้ถึง 3.24 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 3.05 พันล้านดอลลาร์
ส่วนยอดขายยา Stelara ซึ่งเป็นยาเรือธงสำหรับรักษาโรคสะเก็ดเงิน และกำลังเผชิญกับการแข่งขันจากยาชีววัตถุคล้ายคลึง (biosimilars) นั้น ลดลงกว่า 33% เหลือ 1.63 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้ แต่ก็ยังคงสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.42 พันล้านดอลลาร์
ปัจจุบัน บริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายตลอดทั้งปี 2568 จะอยู่ในช่วง 9.16-9.24 หมื่นล้านดอลลาร์ ปรับเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 9.09-9.17 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อสะท้อนการผนวกรวมยา Caplyta ซึ่งใช้รักษาโรคจิตเภท เข้ามาอยู่ในพอร์ตโฟลิโอ
อย่างไรก็ตาม J&J ยังคงประมาณการตัวเลขกำไรตลอดทั้งปี 2568 ไว้เท่าเดิมที่ 10.50-10.70 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเพื่อรองรับผลกระทบจากภาษีนำเข้า และอีกส่วนหนึ่งคือการลดลงของกำไรต่อหุ้นอันเป็นผลมาจากการทุ่มเงิน 1.46 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าซื้อกิจการอินทรา-เซลลูลาร์ (Intra-Cellular) ผู้ผลิตยาด้านระบบประสาท
ทั้งนี้ J&J ถือเป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพรายใหญ่แห่งแรกที่ประกาศผลการดำเนินงาน หลังจากที่รัฐบาลทรัมป์เสนอให้ขึ้นภาษีศุลกากรอย่างหนักกับบรรดาคู่ค้า รวมถึงประเทศจีน ซึ่งเป็นแหล่งจัดหาวัตถุดิบและเวชภัณฑ์สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมยาและเครื่องมือแพทย์
ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวยังคงเดินหน้าสอบสวนการนำเข้าเภสัชภัณฑ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะกำหนดอัตราภาษีนำเข้าสำหรับภาคส่วนนี้ โดยให้เหตุผลว่า การพึ่งพาการผลิตยาจากต่างประเทศมากเกินไปถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ