แบงก์ ออฟ อเมริกา (BofA) เผยผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ที่แข็งแกร่งเกินกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ โดยมีรายได้จากการซื้อขายหลักทรัพย์ที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยชดเชยรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจวาณิชธนกิจที่ลดลง ขณะเดียวกัน ทางธนาคารยังคงมุมมองเชิงบวก โดยไม่คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยภายในปีนี้
สำหรับผลกำไรต่อหุ้นในไตรมาสสิ้นสุดเดือนมี.ค. ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 0.90 ดอลลาร์สหรัฐ จากเดิม 0.76 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ได้ประเมินไว้ที่ 0.82 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ รายได้รวมของธนาคาร ซึ่งมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ขยายตัวขึ้น 6% แตะระดับ 2.737 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2.697 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญมาจากรายได้ในกลุ่มธุรกิจตลาดโลก (Global Markets) ที่เติบโตถึง 12% คิดเป็นมูลค่า 6.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะรายได้จากส่วนของตราสารทุนที่ทะยานขึ้น 17% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2.19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนรายได้จากธุรกิจตราสารหนี้ สกุลเงิน และสินค้าโภคภัณฑ์ (FICC) ก็ปรับเพิ่มขึ้น 8% เป็น 3.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม รายได้จากกลุ่มธุรกิจธนาคารทั่วโลก (Global Banking) ยังคงทรงตัวอยู่ที่ 5.98 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากค่าธรรมเนียมจากธุรกิจวาณิชธนกิจลดลง 3% เหลือ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทางด้านไบรอัน มอยนิฮาน ซีอีโอของ BofA ได้กล่าวกับนักวิเคราะห์ว่า "ยังมีปัจจัยอีกมากที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับประเด็นภาษีศุลกากรและนโยบายต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางเศรษฐกิจในอนาคต"
มอยนิฮานกล่าวเพิ่มเติมในระหว่างการแถลงผลประกอบการว่า ถึงแม้ทีมวิจัยของธนาคารจะได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ลง แต่ก็ยังไม่คาดว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2568 นี้
เมื่อพิจารณารายธุรกิจ พบว่า รายได้จากกลุ่มลูกค้ารายย่อยเติบโต 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 1.049 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กลุ่มธุรกิจบริหารความมั่งคั่งและการลงทุนทั่วโลกขยายตัว 8% เป็น 6.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิรวมเพิ่มขึ้น 3% เป็น 1.444 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยก็ปรับตัวสูงขึ้นจาก 1.179 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1.292 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ