ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 97.97 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 97.88 เยน แต่ขยับลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9292 ฟรังค์ จากระดับ 0.9303 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.3264 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3267 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.5244 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5357 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.9062 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9210 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมเฟดซึ่งจะมีขึ้นในวันพุธที่ 31 ก.ค.ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเช้าวันพฤหัสบดีที่ 1 ส.ค.ตามเวลาไทย โดยนักลงทุนรอดูสัญญาณบ่งชี้ว่าเฟดจะเริ่มชะลอมาตรการกระตุ้นทางการเงินเมื่อใด
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยประมาณการครั้งแรกผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ช่วงไตรมาส 2/2556 ในวันพุธ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 1.1% ในไตรมาสดังกล่าว
ส่วนในวันศุกร์ กระทรวงแรงงานจะรายงานข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 175,000 รายในเดือนนี้ ขณะที่ประเมินว่าอัตราว่างงานในเดือนก.ค.จะลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 7.5% จาก 7.6% ในเดือนมิ.ย.
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลดลงเล็กน้อยในเดือนก.ค. จากระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 ปี เนื่องจากมุมมองของชาวอเมริกันที่มีต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงานในประเทศปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ลดลงสู่ระดับ 80.3 ในเดือนก.ค. จากระดับ 82.1 ในเดือนมิ.ย. โดยดัชนีนก.ค.ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 81.3-81.5 โดยประมาณ
สกุลเงินยูโรร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน แม้ผลการสำรวจโดยบริษัทวิจัย GfK ระบุว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีพุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี โดยมีปัจจัยหนุนจากแนวโน้มการจ้างงานที่สดใสและอัตราเงินเฟ้อระดับปานกลาง สะท้อนว่าการอุปโภคบริโภคของภาคเอกชนยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.แตะที่ 7.0 เพิ่มขึ้นจาก 6.8 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 และพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2550 นอกจากนี้ยังเหนือเป้าหมายของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดการณ์ที่ระดับ 6.9