ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 99.49 เยน จากระดับของวันพุธที่ 97.73 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9365 ฟรังค์ จากระดับ 0.9233 ฟรังค์
เงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.3215 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3333 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.5123 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5252 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.8937 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9009 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรร่วงลงหลังจากนายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีส่งสัญญาณภายหลังการประชุมครั้งล่าสุดว่า อีซีบีจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีก ขณะที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของอีซีบีมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจากธนาคารกลางอังกฤษมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% และคงเป้าหมายการซื้อสินทรัพย์วงเงิน 3.75 แสนล้านปอนด์ (5.71 แสนล้านดอลลาร์)
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 27 ก.ค. ปรับตัวลง 19,000 ราย แตะที่ 326,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีครึ่ง ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 345,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 343,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ผลการสำรวจของมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ค.ของสหรัฐ พุ่งขึ้นแตะระดับ 53.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน และมากกว่าการประมาณการในเบื้องต้นที่ 53.2 และมากกว่าเดือนมิ.ย.ที่ขยายตัวเพียง 51.9 ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว
นอกจากนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) รายงานว่า ดัชนีการผลิตในเดือนก.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 55.4 จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 50.9 โดยดัชนีเดือนก.ค.พุ่งขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2554 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 52.0