ยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3340 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3387 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.5513 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5546 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.9213 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9119 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 96.33 เยน จากระดับ 96.53 เยน และขยับขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9225 ฟรังค์ จากระดับ 0.9196 ฟรังค์
นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงติดต่อกันหลายวันก่อนหน้านี้ อันเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนว่าเฟดจะเดินหน้าใช้ QE ต่อไปหรือไม่ ขณะที่เจ้าหน้าที่หลายคนของเฟดได้ออกมาส่งสัญญาณเป็นระลอก โดยนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวว่า เฟดอาจเริ่มลดปริมาณการซื้อพันธบัตรในช่วงแรกในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินครั้งใดครั้งหนึ่งที่เหลืออยู่ในช่วงปีนี้ ขณะที่เฟดยังมีกำหนดการประชุมอีก 3 ครั้งในปีนี้
ขณะที่นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าว่วา เขาไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่เฟดจะชะลอมาตรการกระตุ้นทางการเงินโดยการลดขนาดแผนการซื้อพันธบัตรวงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในเดือนก.ย.นี้
สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าหลักของออสเตรเลีย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 0.88% จากเดือนมิ.ย. และหากเทียบรายปี ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้น 9.7% หลังจากเพิ่มขึ้นในอัตรา 8.9% ในเดือนมิ.ย.
ขณะที่ยอดส่งออกของจีนเพิ่มขึ้น 5.1% ในเดือนก.ค. จากระดับปีที่แล้ว ส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้น 10.9% ส่งผลให้จีนเกินดุลการค้า 1.78 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดว่ายอดส่งออกเดือนก.ค.ของจีนอาจจะหดตัวลง 4%