ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งรับคาดการณ์เฟดลด QE หลังข้อมูลศก.สหรัฐสดใส

ข่าวต่างประเทศ Wednesday September 4, 2013 07:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะใช้เป็นเหตุผลในการปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 99.47 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 98.17 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9364 ฟรังค์ จากระดับ 0.9309 ฟรังค์

ยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3169 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3208 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.5563 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5494 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสตเรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.9053 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8899 ดอลลาร์สหรัฐ

(*เหตุที่เทียบกับระดับของวันศุกร์ เนื่องจากตลาดเงินนิวยอร์กปิดทำการวันจันทร์ที่ 2 ก.ย. เนื่องในวันแรงงานของสหรัฐ)

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดขนาดมาตรการ QE หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อวานนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนมิ.ย. สู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ 9.008 แสนล้านดอลลาร์ โดยเป็นผลมาจากการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและสถานประกอบการที่เพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยชดเชยโครงการก่อสร้างของรัฐบาลที่ลดลง

การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในเดือนก.ค.เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2552 และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% ขณะที่กิจกรรมการก่อสร้างเดือนมิ.ย.ได้รับการปรับทบทวนขึ้นเป็นทรงตัว จากรายงานก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าลดลง 0.6%

ขณะที่สถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.7 ในเดือนส.ค. จากระดับ 55.4 ในเดือนก.ค. นับเป็นการปรับตัวขึ้นในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบกว่าสองปี และเป็นการขยายตัวเดือนที่สามติดต่อกัน โดยดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตของสหรัฐยังคงขยายตัวต่อเนื่อง และหนุนกระแสคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐโดยรวมอาจขยายตัวเร็วขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี

ดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค.ที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2554 นั้น เหนือความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ที่คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 54


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ