ยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3516 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3491 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.5969 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5927 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.9507 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ0.9436 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 98.55 เยน จากระดับ 98.76 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9036 ฟรังค์ จากระดับ 0.9126 ฟรังค์
ยูโรแข็งค่าขึ้นหลังจากผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซนในเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 51.3 จาก 51.1 ในเดือนก.ย. ซึ่งสอดคล้องกับการประเมินเบื้องต้น โดยดัชนีที่สูงกว่า 50 แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมในภาคการผลิตมีการขยายตัว
นักลงทุนจับตาดูการประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในสัปดาห์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดกันว่าอีซีบีจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนกำลังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจเพื่อประเมินความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะยังคงเดินหน้าแผนการซื้อพันธบัตร 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยระบุว่าเฟดต้องการเห็นความชัดเจนมากขึ้นว่าเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างยั่งยืน ก่อนที่จะชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ในวันพฤหัสบดีนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ช่วงไตรมาส 3/2556 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 2% หลังมีการเติบโต 2.5% ในไตรมาส 2 ส่วนในคืนวันศุกร์ ตามเวลาไทย กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. หลังจากที่ในเดือนก.ย.มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 125,000 ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่