ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 101.24 เยน จากระดับ 101.65 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9063 ฟรังค์ จากระดับ 0.9119 ฟรังค์
ยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3574 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3576 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.6218 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6148 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.9135 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9157 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากรายงานประชุมบีโอเจประจำวันที่ 31 ต.ค. ระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของบีโอเจมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันว่าบีโอเจจะสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ในระยะเวลา 2 ปีตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้เมื่อเดือนเม.ย.ได้หรือไม่ โดยกรรมการบีโอเจบางคนกล่าวว่า "เป็นเรื่องยาก" ที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
นอกจากนี้ รายงานการประชุมระบุว่า มีกรรมการ 1 คนของบีโอเจได้แสดงความวิตกกังวลว่าความน่าเชื่อถือของแนวโน้มคาดการณ์เศรษฐกิจและนโยบายการเงินของบีโอเจอาจจะได้รับความเสียหาย หากอัตราเงินเฟ้อไม่ได้ออกมาสอดคล้องกับการคาดการณ์ โดยสมาชิกคนดังกล่าวระบุว่า การที่อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นแตะระดับเป้าหมาย 2% ได้ตามที่คาดการณ์ไว้นั้น เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนเป็นอย่างยิ่ง
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนมากขึ้นหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้านในเดือนก.ย.ของสรหัฐเพิ่มขึ้น 13.3% จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบเป็นรายปีนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2549 หรือในรอบ 7 ปีครึ่ง และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 13% บ่งชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยยังคงขยายตัว แม้ต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง หลังจากที่แข็งค่าขึ้นในระหว่างวัน ภายหลังจากผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวว่า สกุลเงินยูโรมีความสำคัญต่อการบริหารจัดการทุนสำรองของจีน ขณะที่นายเบอนัว เกอร์ เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ระบุว่า อีซีบีคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะค่อยๆกระเตื้องขึ้น