ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรแข็งค่าเทียบดอลล์ หลังธนาคารกลางยุโรปตรึงดบ.

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3675 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3589 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.6339 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6377 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.9065 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9027 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 101.69 เยน จากระดับ 102.14 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8959 ฟรังค์ จากระดับ 0.9026 ฟรังค์

สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากอีซีบีมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากอีซีบีได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดการเงินด้วยการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.25% จากระดับ 0.5% ในการประชุมครั้งก่อน หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เบื้องต้นเดือนต.ค.ของยูโรโซนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2554

ส่วนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแม้ว่าทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อวานนี้ก็ตาม โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 3/2556 โดยระบุว่าจีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัว 3.6% มากกว่าการประมาณการครั้งแรกที่ระบุว่าเศรษฐกิจขยายตัว 2.8%

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 พ.ย.ร่วงลง 23,000 ราย แตะระดับ 298,000 ราย ซึ่งเป็นการลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้

นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.ในวันศุกร์นี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 204,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ 7.2% ในเดือนพ.ย. ลดลงจาก 7.3% ในเดือนต.ค.