ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.91 เยน จากระดับ 101.69 เยน และแข็งค่าแตะ 1.0661 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.0649 ดอลลาร์แคนาดา แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8925 ฟรังค์ จากระดับ 0.8959 ฟรังค์
ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3696 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3675 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.6344 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6339 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.9097 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9065 ดอลลาร์สหรัฐ
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 203,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ขณะที่อัตราว่างงานลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ 7.0% จาก 7.3% ในเดือนต.ค.
ข้อมูลตลาดแรงงานล่าสุดนับเป็นสัญญาณเพิ่มเติมว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวในอัตรารวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 1 ปี
โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 215,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 173,000 ตำแหน่ง ขณะที่ในวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 พ.ย.ร่วงลง 23,000 ราย แตะระดับ 298,000 ราย ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นเล็กน้อย
ด้านกระทรวงพาณิชย์รายงานในวันพฤหัสบดีเช่นกันว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.6% ในไตรมาส 3/2556 เพิ่มขึ้นจากอัตราขยายตัว 2.8% ในการประมาณการเบื้องต้น
อย่างไรก็ตาม แม้ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดหลายตัวแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวแข็งแกร่งขึ้น แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็ยังคงมองว่า เฟดน่าจะรอดูหลักฐานเพิ่มเติมมากกว่านี้ก่อนที่จะตัดสินใจลดการซื้อสินทรัพย์ โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดมีกำหนดประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 17-18 ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนก.ย.2555 ธนาคารกลางสหรัฐได้ซื้อพันธบัตรและสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับสัญญาจำนองในวงเงิน 8.5 หมื่นล้านต่อเดือน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมาตรการกระตุ้นของธนาคารส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า แต่หากเฟดลดซื้อสินทรัพย์เหล่านี้ ก็จะหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
ขณะเดียวกันยูโรแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากวันก่อน โดยยูโรแข็งค่าสู่ระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรปมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในการประชุมวันพฤหัสบดี และไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆเกี่ยวกับการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ