ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3763 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3739 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.6446 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6427 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะ 0.9156 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9107 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.77 เยน จากระดับ 103.22 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8872 ฟรังค์ จากระดับ 0.8905 ฟรังค์
สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นหลังจากการคาดการณ์ที่ว่า รมว.คลังกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) จะจัดตั้งสหภาพการธนาคารเพื่อดำเนินการปิดธนาคารที่ล้มละลาย โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร
นอกจากนี้ ยูโรยังได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในการประชุมเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 17-18 ธ.ค.นี้ ซึ่งมีกระแสคาดการณ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆว่า เฟดอาจจะเริ่มพิจารณาปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการเจรจาด้านการคลังของเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัตของสหรัฐที่แคปิตอล ฮิลล์ ก่อนที่จะถึงช่วงเทศกาลวันหยุดในสหรัฐ