เงินยูโรอ่อนค่าลง 0.12% เทียบดอลลาร์ ที่ระดับ 1.3737 ดอลลาร์/ยูโร จาก 1.3754 ดอลลาร์/ยูโรเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ขณะที่เงินปอนด์ก็อ่อนตัวลง 0.31% เทียบดอลลาร์ แตะที่ 1.6297 ดอลลาร์/ปอนด์ จาก 1.6348 ดอลลาร์/ปอนด์
เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.07% เทียบฟรังก์สวิส สู่ระดับ 0.8897 ฟรังก์สวิส/ดอลลาร์ เทียบกับ 0.8891 ฟรังก์สวิส/ดอลลาร์ แต่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.18% เทียบเยน ที่ระดับ 103.1700 เยน/ดอลลาร์ จาก 103.3600 เยน/ดอลลาร์
เงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งขึ้น 0.28% แตะ 0.8958 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8933 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย ขณะที่เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ก็เพิ่มค่าขึ้น 0.21% แตะระดับ 0.8262 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จาก 0.8245 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจเริ่มพิจารณาลด QE ในการประชุมสัปดาห์หน้า หลังจากผู้นำการเจรจางบประมาณในสภาคองเกรสสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐในวันที่ 15 ม.ค.แล้ว โดยข้อตกลงดังกล่าวจะกำหนดระดับการใช้จ่ายสำหรับรัฐบาลกลางในอีก 2 ปีข้างหน้า และจะยุติมาตรการลดรายจ่ายโดยอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า sequester บางส่วน ในอีก 2 ปีข้างหน้าเช่นกัน
นอกจากนี้ สหรัฐได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการลด QE ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐประจำเดือนพ.ย. ปรับตัวลดลง 0.1% ทำสถิติร่วงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ซึ่งบ่งชี้ว่าไม่มีแรงกดดันเงินเฟ้อ และเป็นปัจจัยที่เฟดสามารถนำไปประกอบการพิจารณาลด QE
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด มีกำหนดประชุมในวันอังคารและพุธหน้า ซึ่งตลาดกำลังรอดูว่าเฟดจะเริ่มปรับลดการซื้อสินทรัพย์รายเดือนลงเมื่อใด