ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3698 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ระดับ 1.3546 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.6631 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.8762 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8845 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 103.18 เยน จากระดับ 104.41 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8974 ฟรังค์ จากระดับ 0.9116 ฟรังค์
สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นหลังจากมาร์กิต อีโคโนมิคส์ เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ปรับขึ้นสู่ระดับ 53.2 ในเดือนม.ค. จากระดับ 52.1 ในเดือนธ.ค. โดยดัชนีเดือนม.ค.เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2554 และเป็นการปรับตัวขึ้น 7 เดือนติดต่อกัน บ่งชี้ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคนั้นแข็งแกร่งขึ้น
แถลงการณ์ระบุว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นในเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 53.9 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 32 เดือน จาก 52.7 ในเดือนธ.ค. ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบสี่เดือนที่ 51.9 จากระดับ 51.0 ในเดือนธ.ค.
ส่วนดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยร์กิตรายงานว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.ของสหรัฐ ชะลอตัวลงสู่ระดับ 53.7 จากเดือนธ.ค.ที่ระดับ 55 ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ม.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1,000 ราย แตะที่ 326,000 ราย
นอกจากนี้ สำนักงานเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FHFA) เผยราคาบ้านของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% สะท้อนให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐเริ่มชะลอตัวลง