ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.29 จากระดับ 102.46 เยนในการซื้อขายวันก่อน อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8941 ฟรังค์ จาก 0.9005 ฟรังค์ และอ่อนค่าลงแตะ 1.0975 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.0998 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1.3675 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3594 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.6655 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.6598 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียลดลงแตะ 0.8988 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9032 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรและเยน ทันทีที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.ลดลงลง 0.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ โดยข้อมูลที่อ่อนแรงดังกล่าวได้จุดความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจขยายตัวช้ากว่าที่มีการคาดการณ์กันก่อนหน้านี้เล็กน้อย
ขณะเดียวกันกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ก.พ.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8,000 ราย สู่ระดับ 339,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 331,000 ราย ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 330,000 ราย
ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ยติดต่อกัน 4 สัปดาห์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 336,750 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 333,250 ราย
ด้านเงินปอนด์ยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง สู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี เมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากที่เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของธนาคารกลางอังกฤษกล่าวว่า มีเหตุผลอันควรสำหรับนักลงทุนที่จะคาดเดาว่าอังกฤษอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายใน 2 ปี
ขณะที่ดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง หลังจากที่มีการเปิดเผยอัตราว่างงานของออสเตรเลียที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี