ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 101.72 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 101.28 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8733 ฟรังค์ จากระดับ 0.8727 ฟรังค์
ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3920 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3904 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.6636 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6627 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะ 0.9087 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9023 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากผลการลงประชามติในไครเมียผ่านไปอย่างราบรื่นและเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยรัฐสภาไครเมียได้ประกาศอิสรภาพจากยูเครนเมื่อวานนี้ หลังจากผลการลงประชามติระบุว่า ชาวไครเมีย 96.77% ต้องการแยกตัวออกจากยูเครนและไปรวมกับรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ชาติตะวันตกปฏิเสธการลงประชามติดังกล่าว โดยระบุว่า “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย" และ “ขัดต่อรัฐธรรมนูญของยูเครน" นอกจากนี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐยังได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่รัสเซีย 7 รายและเจ้าหน้าที่ยูเครน 4 ราย หลังการลงประชามติในไครเมีย
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กรายงานว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนมี.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 5.61 หลังจากที่ดัชนีเดือนก.พ.ร่วงลงแตะ 4.48 โดยสะท้อนถึงกิจกรรมภาคการผลิตในนิวยอร์กที่ปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ.ปรับตัวขึ้น 0.6% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% และบ่งชี้ว่าภาคอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากเผชิญสภาพอากาศที่หนาวเย็นรุนแรง ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 0.3% แตะ 78.8% ในเดือนก.พ.