ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3759 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3780 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงสู่ระดับ 1.6495 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6504 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลดลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.22 เยน จากระดับ 102.47 เยน และอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8825 ฟรังค์ จากระดับ 0.8837 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9088 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9038 ดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรรายเดือนลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรในชวงฤดูใบไม้ร่วง และอาจจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงราว 6 เดือนหลังจากนั้น
ยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์ หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เปิดเผยว่ายอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของยูโรโซนแตะระดับ 2.53 หมื่นล้านยูโร (ราว 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์) และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนม.ค.
ส่วนเงินเยนและฟรังค์สวิส ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยนั้น ต่างแข็งค่าขึ้น ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกได้ทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังจากรัสเซียผนวกไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ