ค่าเงินยูโรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3825 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3816 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับขึ้นสู่ระดับ 1.6798 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.6781 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.34 เยน จากระดับ 102.42 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8820 ฟรังค์ จากระดับ 0.8832 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9259 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9284 ดอลลาร์สหรัฐ
ในช่วงแรก ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินอื่นๆ หลังจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนมี.ค.ปรับเพิ่มขึ้น 2.6% สู่ระดับ 2.348 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานของสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 24,000 รายสู่ระดับ 329,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 19 เม.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์เชื่อว่าตัวเลขดังกล่าวยังคงสอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลงในช่วงต่อมา อันเนื่องมาจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ยูเครน ขณะที่เงินเยนได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ส่วนยูโรได้รับแรงกดดัน เนื่องจากเมื่อวานนี้ นายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้เน้นย้ำอีกครั้งว่าอีซีบีอาจใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินมากขึ้นเพื่อหนุนเศรษฐกิจ พร้อมระบุด้วยว่าอัตราแลกเปลี่ยนเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นสำหรับอีซีบีในการประเมินแนวโน้มความมีเสถียรภาพด้านราคา