ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3865 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3872 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับขึ้นสู่ระดับ 1.6895 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.6887 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.30 เยน จากระดับ 102.11 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8792 ฟรังค์ จากระดับ 0.8799 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9272 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9296 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุน หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่าดัชนีภาคการผลิตเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 54.9 จาก 53.7 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการขยายตัวเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน และสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า รายได้ส่วนบุคคลในเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 0.5% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งที่สุดนับแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่การใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคลในเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 0.9% ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบกว่า 4 ปีครึ่ง
อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 26 เม.ย.เพิ่มขึ้น 14,000 ราย สู่ระดับ 344,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือนก.พ.
ส่วนมติของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรรายเดือนลงอีก 1.0 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ พร้อมทั้งระบุว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยเป็นพิเศษต่อไปอีกเป็นระยะเวลานานหลังจากยุติโครงการซื้อพันธบัตรนั้น ก็เป็นปัจจัยบวกสำหรับดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างก็รอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ ซึ่งก็คือข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.ที่จะมีการเปิดเผยในเวลา 19.30 น.คืนนี้ ตามเวลาไทย