ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3933 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3877 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับตัวขึ้นที่ 1.6984 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6869 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 101.58 เยน จากระดับ 102.12 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8737 ฟรังค์ จากระดับ 0.8775 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9356 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9278 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรได้รับแรงหนุนจากผลสำรวจที่ระบุว่า ผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของยูโรโซนในเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.1 จาก 52.2 ในเดือนมี.ค. โดยเป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
เงินยูโรทะยานขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคยูโรโซนจะยังคงปรับตัวดีขึ้น
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลง 3.6% สู่ระดับ 4.04 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.03 หมื่นลานดอลลาร์ แต่ยอดขาดดุลที่ลดลงดังกล่าวอาจจะยังไม่เพียงพอที่จะช่วยหนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วขึ้นในไตรมาสแรก
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างรอดูนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติในวันนี้ หลังจากที่ข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.ที่พุ่งขึ้นเกินคาดส่งผลให้ตลาดประเมินว่าเฟดอาจดำเนินการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด