ค่าเงินยูโรเพิ่มขึ้นเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3716 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3708 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับตัวขึ้นที่ 1.6796 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6769 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 101.53 เยน จากระดับ 101.77 เยน และขยับขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8901 ฟรังค์ จากระดับ 0.8900 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9358 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9380 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแรงเมื่อคืนนี้ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดการผลิตของภาคโรงงาน เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค หดตัวลง 0.6% ในเดือนเม.ย. ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิต ปรับตัวลดลง 0.7% สู่ระดับ 78.6% เนื่องจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่ของสหรัฐได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิต
ขณะที่สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐ รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับ 45 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 12 เดือน โดยดัชนีที่ระดับต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่ากลุ่มผู้สร้างบ้านมีมุมมองเชิงลบต่อตลาด มากกว่าในเชิงบวก
ส่วนเงินเยนแข็งค่าขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลของทางการที่แสดงให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของญี่ปุ่นขยายตัว 5.9% เทียบเป็นรายปี ในไตรมาสแรกของปี 2557 ทำสถิติขยายตัวเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน
ทางด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติของสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท รายงานวานนี้ว่า จีดีพีของยูโรโซนในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัว 0.2% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ และส่งผลให้มีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อาจขยายมาตรการกระตุ้นทางการเงินในเดือนมิ.ย. แต่สกุลเงินยูโรยังค่อนข้างมีเสถียรภาพเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ