ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 101.32 เยน จากระดับ 101.52 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8918 ฟรังค์ จากระดับ 0.8920 ฟรังค์ แต่แข็งค่าขึ้นแตะ 1.0871 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.0866 ดอลลาร์แคนาดา
ค่าเงินยูโรปรับตัวขึ้นเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3717 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3697 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับตัวลงแตะที่ 1.6819 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6821 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9329 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9365 ดอลลาร์สหรัฐ
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐหลายรายการที่ออกมาอ่อนแอในระยะนี้ได้ผลักดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหกเดือน โดยดอลลาร์/เยนมีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ธนาคารกลางสหรัฐรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐร่วงลง 0.6% ในเดือนเม.ย. หลังจากที่ปรับตัวขึ้นประมาณ 1% ทั้งในเดือนก.พ.และมี.ค.
นอกจากนี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงผิดคาดในเดือนพ.ค. โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นของทอมสัน รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนอยู่ที่ 81.8 ซึ่งลดลงจากดัชนีเดือนเม.ย.ที่ 84.1 และต่ำกว่าประมาณการของตลาด
ด้านข้อมูลของทางการจีนแสดงให้เห็นว่า การลงทุนและการบริโภคของประเทศในเดือนเม.ย.อยู่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด ซึ่งเหตุนี้ก็เป็นปัจจัยที่หนุนความต้องการเงินเยนในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเช่นกัน
สัปดาห์ที่แล้ว ตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวอย่างผันผวน โดยดัชนีดาวโจนส์และ S&P ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่ในช่วงสองวันแรกของสัปดาห์ ก่อนที่จะปรับตัวลงจากแรงเทขายหุ้นขนาดเล็กระลอกใหม่ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไป