ค่าเงินยูโรลดลงเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3596 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3633 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับตัวลงที่ 1.6746 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6764 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.46 เยน จากระดับ 101.69 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8988 ฟรังค์ จากระดับ 0.8951 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9245 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9302 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์ปรับตัวขึ้น หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ได้แก้ไขตัวเลขดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค.เป็นเพิ่มขึ้นแตะ 55.4 จาก 54.9 ในเดือนพ.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในตอนแรก ISM รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค.ชะลอลงแตะ 53.2 จาก 54.9 ในเดือนเม.ย. โดยเป็นผลมาจากการคำนวณที่ผิดพลาด และตัวเลขที่อ่อนแรงลงดังกล่าวได้ฉุดค่าเงินดอลลาร์ลงในช่วงแรกของการซื้อขาย
ขณะเดียวกัน มาร์กิตเปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้นแตะ 56.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน จาก 55.4 ในเดือนเม.ย. ซึ่งส่งสัญญาณถึงการปรับตัวดีขึ้นของธุรกิจในภาคการผลิตโดยรวม
ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค. ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้
ทางด้านเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะประชุมหารือนโยบายการเงินกันในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่นายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีกล่าวเมื่อเร็วๆนี้ว่า การแข็งค่าของยูโรกำลังส่งผลกระทบต่อความพยายามของอีซีบีในการหนุนเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลให้มีกระแสคาดการณ์ว่าอีซีบีอาจขยายมาตรการกระตุ้นทางการเงิน และนั่นได้ถ่วงค่าเงินยูโร