ค่าเงินยูโรเพิ่มขึ้นเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3623 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3596 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ทรงตัวที่ 1.6746 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.52 เยน จากระดับ 102.46 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8968 ฟรังค์ จากระดับ 0.8988 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9257 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9245 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในโรงงานสหรัฐปรับตัวขึ้น 0.7% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเดือนที่สามติดต่อกัน
นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ายอดสั่งซื้อเดือนเม.ย.จะเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนมี.ค. โดยยอดสั่งซื้อเดือนมี.ค.ได้รับการปรับทบทวนขึ้นจาก 0.9% ในรายงานก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท แสดงให้เห็นว่าเงินเฟ้อในยูโรโซนในเดือนพ.ค.ลดลงแตะ 0.5% จาก 0.7% ในเดือนเม.ย. ซึ่งต่ำกว่าอย่างมากเมื่อเทียบกับเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ที่ 2%
อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงในยูโรโซนส่งผลให้มีความเป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของอีซีบีจะใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินมากขึ้น โดยอีซีบีจะมีการประชุมเพื่อหารือนโยบายการเงินกันในวันพรุ่งนี้
อย่างไรก็ตาม ยูโรปรับตัวแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักวิเคราะห์เชื่อว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินของอีซีบีอาจจะไม่ฉุดค่าเงินยูโรมากนัก
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาดูข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้