ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3193 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3241 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับขึ้นที่ 1.6580 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6577 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 103.99 เยน เทียบกับระดับ 102.93 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9153 ฟรังค์ จากระดับ 0.9138 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียลดลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9297 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9317 ดอลลาร์
ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนหลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดกล่าวในการประชุมที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิง เมื่อวันศุกร์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังปรับตัวใกล้เป้าหมายของเฟดมากขึ้นเกี่ยวกับการจ้างงานสูงสุดและภาวะเงินเฟ้อที่มีเสถียรภาพ จึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีการหารือกันเกี่ยวกับการชะลอมาตรการผ่อนคลายทางการเงินขนานใหญ่
ขณะเดียวกัน นายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบี กล่าวในวันเดียวกันว่า อีซีบียินดีที่จะผลักดันนโยบายการเงินให้ผ่อนคลายมากขึ้น ในขณะที่เศรษฐกิจในภูมิภาคเผชิญกับภาวะชะงักงัน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ฉุดค่าเงินยูโร
นอกจากนี้ ยูโรยังเผชิญแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยสถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวลงสู่ระดับ 106.3 ในเดือนส.ค. จากระดับ 108 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และต่ำกว่าระดับ 107 ที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
ส่วนความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย รวมทั้งการที่สหภาพยุโรปออกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ต่างก็เป็นสาเหตุที่บั่นทอนเศรษฐกิจในยูโรโซน