ค่าเงินยูโรร่วงลงเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3134 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3183 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับลงที่ 1.6563 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6587 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 104.10 เยน เทียบกับระดับ 103.67 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9184 ฟรังค์ จากระดับ 0.9150 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9334 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9355 ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงท้ายเดือนส.ค.จากรอยเตอร์และมหาวิทยาลัยมิชิแกนเพิ่มขึ้นแตะ 82.5 จากระดับเดือนก.ค.ที่ 81.8 นับเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2550 หรือสูงสุดในรอบ 7 ปี
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่แข็งแกร่งได้ช่วยชดเชยการใช้จ่ายส่วนบุคคลของสหรัฐในเดือนก.ค.ที่ปรับตัวลดลง 0.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าการใช้จ่ายส่วนบุคคลจะเพิ่มขึ้น 0.2% ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนที่แล้ว
ส่วนสกุลเงินยูโรลดลงเมื่อเทียบดอลลาร์ก่อนที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะมีการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า ขณะที่สำนักงานสถิติของสหภาพยุโรปหรือยูโรสแตทเปิดเผยว่าเงินเฟ้อของยูโรโซนในเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งชะลอลงหลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค.
ทั้งนี้ ยูโรยังคงอ่อนค่าลง เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครนมีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งมีแนวโน้มจะถ่วงการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค