ค่าเงินยูโรร่วงลงเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2939 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3145 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับลงที่ 1.6334 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6454 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 105.23 เยน เทียบกับระดับ 104.84 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9325 ฟรังค์ จาก 0.9179 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9351 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9345 ดอลลาร์
การประชุมกำหนดนโยบายการเงินของอีซีบีเมื่อวานนี้เป็นประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างมาก เพื่อประเมินแนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาคที่อยู่ในภาวะอ่อนแอ โดยแถลงการณ์ของอีซีบีระบุว่า ดอกเบี้ยพื้นฐานที่อีซีบีเรียกเก็บจากเงินกู้ที่ปล่อยให้แก่สถาบันการเงิน (Main refinancing operation) จะลดลงสู่ระดับ 0.05% จากเดิมที่ 0.15% และดอกเบี้ยที่อีซีบีจ่ายให้แก่ธนาคารที่นำเงินมาฝากกับอีซีบี (Deposit facility) จะลดลงสู่ระดับ -0.20% จาก -0.10%
นอกจากนี้ นายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบี กล่าวในการแถลงข่าวภายหลังการประชุมนโยบายการเงินวันนี้ว่า ธนาคารจะเริ่มซื้อตราสารหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (asset-backed securities) และตราสารหนี้ที่ค้ำประกันด้วยสินเชื่อคุณภาพ (covered bonds) จากภาคเอกชนในเดือนต.ค.นี้ เพื่อกระตุ้นการกู้ยืมในยูโรโซน
สกุลเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบดอลลาร์ และนักวิเคราะห์เชื่อว่าแนวโน้มของยูโรจะเป็นไปในเชิงลบอย่างมากหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ปรับตัวในทิศทางแตกต่างกัน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 30 ส.ค. เพิ่มขึ้น 4,000 ราย สู่ระดับ 302,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 300,000 ราย
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐรายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าสินค้าและบริการของสหรัฐในเดือนก.ค. ปรับตัวลดลง 0.6% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 4.055 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากการส่งออกที่ขยายตัวขึ้นทำสถิติสูงสุด