ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2736 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2708 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.6131 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6129 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 108.08 เยน เทียบกับระดับ 107.70 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9469 ฟรังค์ จาก 0.9486 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8855 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8807 ดอลลาร์
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ย่ำแย่เป็นปัจจัยที่กดดันดอลลาร์ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย.ปรับตัวลดลง 1.3% แตะระดับ 2.416 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะดีดตัวขึ้น 0.5% หลังจากที่ร่วงลงรุนแรงถึง 18.3% ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านในสหรัฐยังคงปรับตัวขึ้นในเดือนส.ค. แต่เป็นอัตราที่ชะลอลง โดยดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอลงจากอัตรา 6.7% ในเดือนก.ค.
อย่างไรก็ตาม คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นกลุ่มวิจัยเอกชน เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในเดือนต.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 94.5 จากระดับ 89.0 ในเดือนก.ย. โดยดัชนีความเชื่อมั่นเดือนต.ค.เคลื่อนไหวในระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 87.0 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความมั่นใจในแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดแรงงานภายในประเทศมากยิ่งขึ้น
ข้อมูลความเชื่อมั่นที่สดใสได้ช่วยหนุนดอลลาร์ให้ลดช่วงติดลบระหว่างวันไปได้บ้าง
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างคาดว่าเฟดจะปิดฉากการประชุมกำหนดนโยบายในวันนี้ด้วยแถลงการณ์ที่มีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่ยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ในเดือนนี้