เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2525 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2487 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5680 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5718 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวสูงขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 116.25 เยน เทียบกับระดับ 115.71 เยน ลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9591 ฟรังค์ จาก 0.9625 ฟรังค์ และลดลงแตะ 1.1283 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.1364 ดอลลาร์แคนาดา
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8756 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8724 ดอลลาร์
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เทียบกับอีกหกสกุลเงินหลัก แตะระดับสูงสุดในรอบสี่ปีที่ 88.267 ในการซื้อขายช่วงเช้า หลังจากรายงานแสดงให้เห็นว่า ทั้งยอดค้าปลีกและความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นมากกว่าคาดการณ์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. มากกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่ 0.2%
ขณะที่ผลสำรวจโดยทอมสัน รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน แสดงให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเจ็ดปี โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นแตะที่ 89.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2550 และสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด
อย่างไรก็ตาม สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร และสกุลเงินอื่นๆ เมื่อนักลงทุนขายดอลลาร์เพื่อทำกำไร โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลง 0.31% แตะที่ 87.404 ในช่วงท้ายของการซื้อขาย