ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2535 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2453 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5635 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5642 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 116.89 เยน เทียบกับระดับ 116.48 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9584 ฟรังค์ จาก 0.9647 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8731 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8710 ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลง แม้สหรัฐมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในเชิงบวก โดยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในเดือนต.ค. ปรับตัวขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากราคาบริการและอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ถ่วงราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตจะลดลงอีก 0.1% หลังจากที่ลดลง 0.1% ในเดือนก.ย.
ขณะเดียวกัน สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐ (NAHB) รายงานว่า ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยปรับตัวขึ้น 4 จุด สู่ระดับ 58 ในเดือนพ.ย. ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับสองรองจากสถิติเมื่อปี 2548 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งได้ช่วยหนุนยอดขาย โดยดัชนีที่อยู่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่ากลุ่มผู้สร้างบ้านมีมุมมองต่อตลาดที่อยู่อาศัยในเชิงบวกมากกว่าในเชิงลบ ซึ่งเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันแล้วที่ดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าดัชนีเดือนพ.ย.จะขยับขึ้นแตะ 56 จากระดับ 54 ในเดือนต.ค.
ส่วนเงินเยนร่วงลงต่อเนื่องเมื่อเทียบดอลลาร์ หลังจากที่ข้อมูลเมื่อวันจันทร์บ่งชี้ว่เศรษฐกิจญี่ปุ่นได้เข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ขณะที่นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะดำเนินมาตรการกระตุ้นทางการเงินมากขึ้น หลังจากรัฐบบาลประกาศเมื่อวานนี้ว่าจะเลื่อนการปรับขึ้นภาษีออกไปจากกำหนดเดิม เพื่อหนุนเศรษฐกิจของประเทศ
เงินยูโรปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์ เนื่องจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป หรือ ZEW ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ในเยอรมนีที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศในเดือนพ.ย. พุ่งขึ้นแตะ 11.5 จาก -3.6 ในเดือนต.ค. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2556 และเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้มาก