ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2383 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2444 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5703 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5708 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.09 เยน เทียบกับระดับ 118.08 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9699 ฟรังค์ จาก 0.9670 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8256 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8301 ดอลลาร์
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใสเมื่อคืนนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดอลลาร์สหรัฐให้ปรับตัวแข็งแกร่ง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ขยายตัว 0.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนต.ค. เพราะได้แรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ เสื้อผ้า รวมถึงยอดขายสินค้าประเภทอื่นๆ ในขณะที่ฤดูกาลจับจ่ายซื้อสินค้าช่วงเทศกาลวันหยุดได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. ขณะที่เมื่อเทียบรายปี สต็อกสินค้าคงคลังเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 4.8% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 6 ธ.ค. ปรับตัวลง 3,000 ราย แตะที่ 294,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดใน 3 สัปดาห์ นับเป็นสัญญาณล่าสุดว่าตลาดแรงงานยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่แล้วลดลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ราว 295,000 - 297,000 ราย โดยนับเป็นสัปดาห์ที่ 12 ติดต่อกันแล้วที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 300,000 ราย