ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2324 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2486 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5560 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5726 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 118.61 เยน เทียบกับระดับ 117.21 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9744 ฟรังค์ จาก 0.9619 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8119 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8211 ดอลลาร์
หลังการประชุมกำหนดนโยบายเป็นเวลา 2 วัน เฟดได้เปิดเผยแถลงการณ์เมื่อคืนนี้ โดยระบุว่า “เฟดสามารถอดทนรอต่อไปได้ ในการเริ่มต้นปรับท่าทีด้านนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ"
นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดกล่าวในการแถลงข่าวหลังการประชุมว่า เฟดไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบาย 2-3 ครั้งหน้าเป็นอย่างน้อยที่สุด โดยกล่าวเสริมว่า “ช่วงเวลาในการเริ่มปรับเพิ่มเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟด รวมทั้งแนวทางสำหรับเป้าหมายหลังจากนั้น จะขึ้นอยู่กับภาวะทางเศรษฐกิจ"
บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงในสัญญาณชี้นำดังกล่าวหมายความว่าเฟดกำลังมีแนวโน้มมากขึ้นอีกขั้นหนึ่งในการที่จะถอยออกจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ขณะที่ตลาดแรงงานฟื้นตัวรวดเร็วกว่าที่คาดนั้น เฟดยังคงจับตาดูอัตราเงินเฟ้อของประเทศ ซึ่งอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2% มาเป็นระยะเวลานาน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. ลดลง 0.3% จากเดือนต.ค. อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนี CPI ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2551 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.1% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ปรับเพิ่มขึ้น 0.1%