ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2006 ดอลลาร์สหรัฐ จากวันทำการก่อนหน้านี้ที่ระดับ 1.2099 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.5334 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5579 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.8114 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8168 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 120.34 เยน จากวันทำการก่อนหน้านี้ที่ระดับ 119.70 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0011 ฟรังค์ จากระดับ 0.9943 ฟรังค์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.1750 ดอลลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.1618 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรร่วงลงหลังจากประธานอีซีบีได้ส่งสัญญาณการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ครั้งใหญ่ ด้วยการกล่าวให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ Handelsblatt ของเยอรมนีว่า เขาไม่สามารถมองข้ามความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืดในยูโรโซน และยังกล่าวด้วยว่าความเสี่ยงที่อีซีบีจะไม่สามารถรักษาเสถียรภาพด้านราคาเอาไว้ได้นั้น มีสูงกว่าเมื่อ 6 เดือนก่อน ทำให้อีซีบีต้องเตรียมพร้อมในการปรับวงเงินในมาตรการ QE ขณะเริ่มต้นปี 2015 หากมีความจำเป็น
นอกจากนี้ ยูโรยังได้รับแรงกดดันหลังจากมาร์กิต อีโคโนมิคส์ เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงใกล้เข้าสู่ภาวะชะงักงัน โดยดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 50.6 ในเดือนธ.ค. ซึ่งแม้ว่าเพิ่มจากระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือนที่ 50.1 ในเดือนพ.ย. แต่ลดลงจากตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 50.8
รายงานระบุว่า ในบรรดาประเทศสมาชิกยูโรโซนที่มีการสำรวจนั้น พบว่าภาคการผลิตในฝรั่งเศสและอิตาลียังคงอยู่ในช่วงขาลง ส่วนเยอรมนีกลับสู่การขยายตัวอีกครั้ง โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตของเยอรมนีดีดตัวขึ้นแตะ 51.2 หลังจากลดลงแตะ 49.5 ในเดือนพ.ย. ขณะที่ดัชนี PMI ฝรั่งเศสหดตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนพ.ค. ส่วน PMI อิตาลีลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 19 เดือน
ทั้งนี้ ข้อมูลภาคการผลิตที่มีการเปิดเผยล่าสุดนี้ สนับสนุนความเป็นไปได้ที่อีซีบีอาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม