ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1778 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1764 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5220 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5146 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 117.30 เยน เทียบกับระดับ 117.73 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0197 ฟรังค์ จาก 1.0209 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8148 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8154 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐได้เผชิญแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ยอดค้าปลีกทั่วไปร่วงลง 0.9% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการดิ่งลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่ยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมภาคยานยนต์, น้ำมันเบนซิน, วัสดุก่อสร้าง และบริการด้านอาหาร ลดลง 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ย.
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคานำเข้าดิ่งลง 2.5% ในเดือนธ.ค. จากราคาพลังงานที่ทรุดตัวลง และเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2551 ขณะที่เดือนพ.ย.ร่วงลง 1.8% โดยตัวเลขดัชนีราคานำเข้าที่อ่อนแอบ่งชี้ถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลงในช่วงหลายเดือนข้าง ส่วนดัชนีราคาส่งออกปรับตัวลง 1.2% ในเดือนที่แล้ว
บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า ข้อมูลโดยรวมที่ออกมาในเชิงลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดค้าปลีกที่ร่วงลงสวนทางคาดการณ์นั้น ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์กันว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้
ส่วนเงินเยนแข็งค่าขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนมีความต้องการสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเพิ่มขึ้น ท่ามกลางตลาดหุ้นที่ซบเซา