ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1315 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1336 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5251 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5230 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.44 เยน เทียบกับระดับ 118.41 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9266 ฟรังก์ จาก 0.9211 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7767 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7814 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ได้พุ่งขึ้นเหนือ 2% แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน จากกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลจ้างงานที่แข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ปรับตัวในทิศทางแตกต่างกัน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่าตำแหน่งงานที่มีการเปิดรับสมัครในสหรัฐในเดือนธ.ค.มีจำนวน 5.03 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.2544 ที่ตำแหน่งงานสูงกว่า 5 ล้านตำแหน่ง และยังสูงกว่าคาดการณ์ของตลาดด้วย
ทางด้านสมาพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติของสหรัฐ (NFIB) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจขนาดย่อมของ NFIB ลดลง 2.5 จุด สู่ระดับ 97.9 ในเดือนม.ค. จากระดับ 100.4 ในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
ทั้งนี้ นักลงทุนกำลังจับตาดูสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับทางออกในการคลี่คลายปัญหาหนี้สินของกรีซ ขณะที่แหล่งข่าวของกระทรวงการคลังกรีซระบุว่า รัฐบาลใหม่ของกรีซมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงแก้ไขปัญหาหนี้ระยะสั้นได้ในการประชุมยูโรกรุ๊ปในสัปดาห์หน้า และหลังจากนั้น อาจจะมีการทำข้อตกลงหนี้สินขั้นสุดท้ายในเดือนก.ย.