ยูโรอ่อนค่าลงในการซื้อขายช่วงแรก หลังการเจรจาหนี้ระหว่างกรีซและยูโรโซนไม่ประสบความคืบหน้าวานนี้
ยูโรแข็งค่า 0.3% สู่ระดับ 1.13995 ดอลลาร์ ใกล้กับระดับ 1.1429 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของเมื่อวานนี้ และยูโรอยู่ที่ 74.04 เพนซ์ โดยอยู่เหนือ 73.69 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีที่ทำไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ ยูโรยังปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 135.30 เยน หลังจากร่วงแตะ 133.96 เยนในช่วงแรก ขณะที่ดอลลาร์ดีดตัว 0.1% สู่ระดับ 118.52 เยน เหนือระดับ 118.11 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 วัน
ตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการวานนี้เนื่องในวันประธานาธิบดี
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป หรือ ZEW เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ในเยอรมนีที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศ พุ่งขึ้นแตะ 53.0 ในเดือนก.พ. จากระดับ 48.4 ในเดือนม.ค. โดยได้แรงหนุนจากการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ของธนาคารกลางยุโรป แม้วิกฤตการณ์ในยูเครนยังคงเป็นปัจจัยกดดันความเชื่อมั่น
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนก.พ.ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี แต่ยังอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 55.0
เจ้าหน้าที่รัฐบาลกรีซรายหนึ่งกล่าวในวันนี้ว่า รัฐบาลกรีซเชื่อว่าการบรรลุข้อตกลงแก้ไขวิกฤตการณ์หนี้กับสหภาพยุโรป (EU) ยังคงมีความเป็นไปได้ แต่กรีซจะไม่ยอมรับการยื่นกำหนดเส้นตาย หลังการประชุมวานนี้สิ้นสุดลงโดยทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆ
เจ้าหน้าที่รายนี้ระบุว่า รัฐบาลกำลังย้ำเป้าหมายในการให้ความร่วมมือกับยุโรปอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ แต่ปฏิเสธที่จะต่ออายุโครงการความช่วยเหลือปัจจุบันออกไปอีก 6 เดือน
ทั้งนี้ ทางการกรีซระบุวานนี้ว่า ร่างแถลงการณ์ในการประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนที่ระบุว่ากรีซได้เห็นพ้องกับการขยายเวลาของมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินฉบับปัจจุบันออกไปนั้น ถือว่าไม่มีเหตุผล และกรีซจะไม่ยอมรับแถลงการณ์ดังกล่าว
การประชุมก่อนหน้านี้ในสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างรมว.คลังของกรีซและยูโรโซน รวมทั้งการประชุมระหว่างผู้นำของกรีซและสหภาพยุโรปต่างก็ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงแต่อย่างใด