ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1411 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1349 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5357 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5358 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.29 เยน เทียบกับระดับ 118.44 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9368 ฟรังก์ จาก 0.9320 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7815 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7771 ดอลลาร์
ยูโรปรับตัวแข็งแกร่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลกรีซรายหนึ่งกล่าวเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลกรีซเชื่อว่าการบรรลุข้อตกลงแก้ไขวิกฤตการณ์หนี้กับสหภาพยุโรป (EU) ยังคงมีความเป็นไปได้ แต่กรีซจะไม่ยอมรับการยื่นกำหนดเส้นตาย หลังการประชุมเมื่อต้นสัปดาห์สิ้นสุดลงโดยทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆ
นอกจากนี้ ยูโรยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะไม่ยุติการให้เงินกู้ฉุกเฉินต่อธนาคารของกรีซในสัปดาห์นี้ ถึงแม้ยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาแก้ไขปัญหาหนี้ระหว่างกรีซและยูโรโซน
ส่วนดอลลาร์สหรัฐเผชิญแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาย่ำแย่ โดยสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวลงสู่ระดับ 55 ในเดือนก.พ. จากระดับ 57 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 และต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่าจะปรับตัวขึ้นแตะ 58 ในเดือนก.พ.
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กรายงานว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ประจำเดือนก.พ.ปรับตัวลงสู่ระดับ 7.8 จากระดับ 10 ในเดือนม.ค. โดยได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อและการจ้างงานที่อ่อนแอ