ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 118.99 เยน จากระดับของวันพุธที่ 118.77 เยน นอกจากนี้ ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9497 ฟรังก์ จากระดับ 0.9436 ฟรังก์ และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2495 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2425 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.1365 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1378 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.5414 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5439 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7788 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7817 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 14 ก.พ. ลดลง 21,000 ราย แตะ 283,000 ราย สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 290,000 ราย นับเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่าเพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์นั้น ลดลง 6,500 ราย สู่ระดับ 283,250 ราย
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับแรงหนุนจากรายงานการประชุมประจำวันที่ 27-28 ม.ค.ของเฟดระบุว่า กรรมการบางคนมองว่า อาจเป็นเรื่องเหมาะสมที่จะเริ่มปรับนโยบายการเงินให้มีความเข้มงวดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ แม้ในรายงานระบุว่า มีกรรมการเฟดหลายคนที่แสดงความกังวลว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยก่อนกำหนด จากปัจจุบันที่ระดับ 0-0.25% นั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
สกุลเงินยูโรยังคงได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของการเจรจาปัญหาหนี้กรีซ หลังจากนายวูล์ฟกัง ชอยเบิล รมว.คลังเยอรมัน กล่าวเมื่อวานนี้ว่า ข้อเสนอของกรีซที่ต้องการขยายระยะเวลาของเงินกู้ในข้อตกลงความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป (EU) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกไปอีก 6 เดือนนั้น ไม่สอดคล้องกับเงื่อนไขที่มีการตกลงกันไว้ในการประชุมยูโรกรุ๊ปเมื่อวันจันทร์
การคัดค้านของเยอรมนีมีขึ้นหลังจากที่ทางการกรีซได้ยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการเพื่อขอขยายระยะเวลาของเงินกู้ออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดลงในวันที่ 28 ก.พ.